8 จุดห้ามพลาด เบลเยี่ยม ประเทศนี้ไม่ได้มีแค่เด็กฉี่

เบลเยี่ยม ประเทศเล็กๆ ในกลุ่มเบเนลักซ์ (Belgium, Netherlands, Luxembourg) เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตช๊อกโกแล็ตชื่อดัง เป็นศูนย์กลางของสหภาพยุโรป (EU) และเซเลปอันดับหนึ่งจากประเทศนี้คือเด็กน้อยยืนฉี่ในชุดวันเกิด แต่ประเทศนี้มีดีกว่านั้นมาก ลองมาดูว่ามีที่เที่ยวไหนน่าสนใจบ้าง 

1. Brussels - จตุรัสกรองด์ปลาซ (Grand Place) ที่ใจกลางกรุงบรัซเซลส์ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถือเป็นอันดับ 1 สถานที่เที่ยวของเบลเยี่ยม ด้วยอาคารรอบด้านที่เป็นศิลปะสไตล์บาโรค โกธิค และนีโอโกธิค ความงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทำให้ที่นี่ได้เป็นมรดกโลกในปี 1998 

นอกจากนี้ในช่วงหน้าร้อนทุก 2 ปีในปีเลขคู่ จะมีการจัดเทศกาล "พรมดอกไม้" (Flower Carpet) วางเรียงเต็มพื้นที่ 1,800 ตารางเมตร ใช้ดอกไม้ทั้งหมดกว่า 600,000 ดอก! ใครมีแผนไปเที่ยวเบลเยี่ยมปีนี้ ก็มีโอกาสได้ไปชมเทศกาลพรมดอกไม้ซึ่งจะจัดในช่วง 16-19 สิงหาคมเท่านั้น งามขนาดนี้ ใครไปมาแล้ว พิมพ์ 1 ครับ

รายละเอียดงานพรมดอกไม้ 
http://www.flowercarpet.be/en

2. Brussels - แมนเนเกน พิส (Manneken Pis แปลว่า เด็กชายกำลังปัสสาวะ) มาแล้วครับ หนุ่มน้อยเซเลปอันดับหนึ่งแห่งเบลเยี่ยม รูปปั้นนี้ถูกติดตั้งในราวปี ค.ศ. 1618 เหตุผลที่ทำให้น้องคนนี้โด่งดังก็เพราะตำนานที่น่าอัศจรรย์นั้นเอง

ตำนานเล่าว่า...รูปปั้นนี้เดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ด้วยหินแกะสลัก ในขณะนั้นบรัสเซลส์อยู่ท่ามกลางสงคราม และถูกฝ่ายตรงข้ามนำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงเมือง เด็กชายคนหนึ่งชื่อ จูเลียนสกี (Julianske) มาพบสายชนวนระเบิดกำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดเพื่อดับชนวน ชาวเมืองจึงสร้างรูปแกะสลักนี้้เพื่อระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญ แต่รูปแกะสลักนี้ถูกขโมยไปหลายครั้ง จึงมีการหล่อขึ้นใหม่ ตัวปัจจุบันนี้ออกแบบโดยเจอโรม ดูเกสนอย ในปี ค.ศ. 1618

รูปปั้นนี้โดยทั่วไปจะอยู่ในชุดวันเกิด แต่ในช่วงเทศกาลก็จะมีการนำเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้ อย่างเช่นช่วงปลายปีก็จะสวมชุดซานตาคลอส เป็นต้น

3. Brussels - จิตรกรรมฝาผนัง (Comic Strip)

"แตงแตง" หรือ "ตินติน" (Tintin) ตัวการ์ตูนชื่อดังระดับโลก เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของชาวเบลเยี่ยมชื่อ Georges Remi จึงไม่น่าแปลกใจที่ความเป็นตำนานของการ์ตูนจะแผ่กระจายไปปรากฏอยู่ตามฝาผนังบ้านช่องทั่วกรุงบรัสเซลส์ ก่อนที่กระแส Graffiti จะระบาดไปทั่วโลกเสียอีก มาเที่ยวบรัสเซลส์นอกจากจะเช็คอินสถานที่เที่ยวหลักๆ แล้ว อย่าลืมสังเกตุตามฝาผนัง เพราะนั่นคือศิลปะที่สะท้อนความเป็นเบลเยี่ยมแขนงหนึ่ง

4. Brussels - สถาปัตยกรรมรูปทรงอะตอม (Atomium) มีความสูง 102 เมตร ก่อสร้างในรูปทรงที่เป็นโมเลกุลเหล็กใสจากงานยูนิเวอร์แซล เอ็กซิบิชั่น (Universal Exhibition) ในปีค.ศ.1958 สามารถขึ้นไปชมด้านบนได้

5. วอเตอร์ลู (Waterloo)

เราอาจเคยได้ยินเพลงชื่อนี้เมื่อนานมาแล้ว (ของวง ABBA) สถานที่นี้ที่ไม่มีทัวร์ไหนมาไปเที่ยว มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสมรภูมิที่กองทัพแห่งฝรั่งเศสยุคจักรพรรดิที่ 1 ของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ได้ปราชัยแก่กองทัพประสานมิตรที่เจ็ด, ภายใต้การนำทัพของดยุกแห่งเวลลิงตันในปี 1815 ทำให้นโปเลียนหมดอำนาจจนถูกเนรเทศไปอยู่เกาะ

สถานที่นี้เคยอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบันเป็นของเบลเยี่ยม อยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ราว 13 กิโลเมตร รูปปั้นสิงโตที่อยู่บนยอดมีชื่อว่า Lion's Mound สร้างในปี 1820 และเสร็จสิ้นในปี 1826

เครดิตภาพ www.waterloo1815.be

6. เกนท์ (Ghent หรือ Gent) ในยุคกลาง ที่นี่เป็นเมืองที่ใหญ่และมั่งคั่งที่สุดในตอนเหนือของยุโรป เราจะได้ชมอาคารบ้านเรือนสีสันหลากหลายที่รายล้อมรอบจัตุรัสใจกลางเมือง มีศาลาว่าการเมืองและกลุ่มอาคารริมคลองสุดโรแมนติก มีมหาวิหารเซนต์ บราโว (St. Bravo Cathedral) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชาร์ลส ที่ 5 เป็นศิลปะแบบโกธิค ภายในมหาวิหารประดับประดาด้วยกระจกสีและแท่นบูชารวมไปถึงงานจิตรกรรมและประติมากรรมที่มีค่าหลายชิ้น 

จุดชมวิวเด็ดของเมืองนี้คือที่สะพานเซนต์ มิเชล (St. Michael’s Bridge) เพราะเป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำเชลดท์ และแม่น้ำลิส ที่ซึ่งชาวเกนท์ตั้งถิ่นฐานเมื่อกว่าพันปีก่อน

เกนท์อยู่ห่างจากบรัสเซลส์ 56 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม. เดินทางได้สะดวกโดยรถไฟ ซึ่งอยู่ระหว่างทางจากบรัสเซลส์ไปบรูจส์ แทนที่จะตรงไปก็ควรแวะจอดที่เมืองนี้สักนิดแล้วจะไม่มีคำว่าเสียดายเวลา

หรือหาทัวร์เบลเยี่ยมที่พาเที่ยวเมืองนีี้ได้ง่ายๆ คลิกที่นี่
 

7. บรูจส์ (Bruges) เมืองชื่อดังของเบลเยี่ยมรองจากบรัสเซลส์ก็คือที่นี่ ด้วยสถานะเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยคูเมืองถึงสองชั้น ซึ่งเป็นการป้องกันข้าศึกศัตรูในสมัยก่อน ปัจจุบันบ้านเรือน, อาคาร, และโบสถ์ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดิมคือสถาปัตยกรรมเฟลมมิชและเรเนซองส์ที่ดูวิจิตรสวยงามดุจดั่งมนต์ขลังตึกรามบ้านช่องดูเป็นระเบียบ ถนนหนทางก็ดูสะอาดตา ไฮไลท์คือจัตุรัสมาร์ก (Markt) ซึ่งเป็ นที่ตั้ของตลาดค้าขายและที่จัดงานต่างๆของเมือง รวมถึง จตุรัสเบิร์ก (Burg) ลานกว้างหน้าบริเวณวังเก่าสไตล์กอธิคซี่งกลายเป็นศาลาว่าการของเมืองในปัจจุบัน

บรูจส์ (Bruges) อุตส่าห์ได้ฉายาว่า Venice of the North ไฉนเลยจะไม่สัมผัสบรรยากาศโรแมนติกแห่งคูคลองสักนิด ใครเคยเห็นเวนิสของจริงและเวนิสแห่งตะวันออกมาแล้ว (กรุงเทพนั่นเอง) ควรเก็บต่อให้ครบนะครับ

หาทัวร์เบลเยี่ยมที่พาเที่ยวเมืองบรูจส์ได้ง่ายๆ คลิกที่นี่

8. แอนท์เวิร์ป (Antwerp หรือ Antwerpen) ด้วยความที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเพชรของโลก เพราะเพชรเกินครึ่งที่ซื้อขายกันในโลกเกิดขึ้นที่นี่ เลยอาจจะบดบังความโดดเด่นในฐานะเมืองท่องเที่ยว ทำให้รัศมีออกจะจืดจางเมื่อเทียบกับ 3 เมืองก่อนหน้า แต่ไหนๆ มาเบลเยี่ยมแล้วก็ควรเก็บเสียให้ครบ เพราะถึงยังไงเมืองนี้ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ Schelde ก็มีความร่ำรวยทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 16 และศิลปะแนวอาว็อง-การ์ดที่น่าชม

Port House แห่งเมือง Antwerp หรือจะเรียกว่าเป็นการท่าเรือแห่งเมืองแอทน์เวิร์ป ทำให้สถานที่เล็กๆ ที่ดูจะไม่ได้มีความสำคัญอะไร โดดเด่นขึ้นมาในเวทีโลกด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งมันเป็นอาคารสำนักงานที่มีพนักงานทำงานอยู่ในนั้นกว่า 500 ชีวิต

มองหาทัวร์เบลเยี่ยม  เริ่มต้นเพียง 39,999 บาท คลิกที่นี่

Let's Go ชัวร์เรื่องเที่ยว เชี่ยวเรื่องทัวร์

#ทัวร์เบลเยี่ยม #ทัวร์เบลเยี่ยม2562 #ทัวร์เบลเยี่ยม2019 #ทัวร์เบลเยี่ยมสงกรานต์ #ทัวร์ยุโรปเบลเยี่ยม #ทัวร์เบเนลักซ์ #ทัวร์บรัสเซลล์ #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์ยุโรป2562 #ทัวร์ยุโรปสงกรานต์