12 ข้อควรรู้ จองทัวร์อย่างไรไม่ให้เสียท่า

หลายท่านเลือกท่องเที่ยวแบบทัวร์เพราะไม่ต้องเสียเวลาศึกษาข้อมูลมาก บริษัททัวร์จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ แต่การเลือกโปรแกรมทัวร์ที่ตอบโจทย์ตรงใจทุกอย่างอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากข้อมูลมีมาก การสื่อสารบางครั้งกำกวม ต้องอ่านอย่างละเอียด และที่สำคัญจนเป็นข่าวบ่อยๆ คือประเด็นความน่าเชื่อถือ เลือกอย่างไรจึงจะไม่เสียใจในภายหลัง? นี่คือ 12 ข้อควรรู้ก่อนจอง

1. เลือกบริษัททัวร์ที่น่าเชื่อถือ เพราะเรื่องทิ้งลูกค้าเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ จึงให้เป็นข้อแรกเพราะสำคัญที่สุด วิธีตรวจสอบ (ได้แค่คร่าวๆ) คือดูจากใบอนุญาติที่ถูกต้อง (ตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ www.tourism.go.th ลักษณะเลขที่คือ xx/xxxxx หากของใครช่องหลังไม่ครบ 5 ตัวให้เติม 0 ข้างหน้า) มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง ก่อตั้งมาหลายปี ไม่ใช่เพิ่งเปิด ลองหารีวิวประกอบ บริษัทที่ชื่อเสียงดีจะดูแลลูกค้าดีกว่าเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

2. เส้นทางที่ชำนาญ บางบริษัทมีความเชี่ยวชาญในบางเส้นทาง เที่ยวด้วยแล้วอุ่นใจหรือได้ประสบการณ์ระดับ “Insider” กว่า อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทรับหน้าที่เป็นผู้ขาย ไม่ได้จัดทัวร์เอง บางครั้งเราซื้อกับบริษัท A แต่ไปถึงสนามบินพบว่าเป็นของบริษัท B นั่นคือเรื่องปกติ จึงอยู่ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจ หรือประสบการณ์ก่อนหน้าที่มีต่อผู้ขายรายนั้นว่าเลือกทัวร์ได้โดนขนาดไหน ผู้ขายที่รู้จริงย่อมเลือกทัวร์ได้ดีกว่า

3. จุดหมายที่อยากเที่ยว ทัวร์นั้นพาไปเมืองที่เราอยากไปแบบโปรแกรมหลักหรือแค่ตัวเสริม ยกตัวอย่าง อยากเที่ยวโตเกียว ทัวร์พาไปโตเกียวมีเพียบ แต่ส่วนมากไปแค่ชินจุกุกับอาซะกุสะ ในขณะที่ทัวร์โตเกียวส่วนน้อยจะพาไปย่านอื่นๆ ด้วย เช่นโอไดบะ ฮาราจุกุ ชิบุยา เป็นต้น อย่ารีบจองเพียงแค่เห็นชื่อเมือง

4. สถานที่เที่ยว ตรงนี้มีสับขาหลอก เพราะโปรแกรมทัวร์มักจะใส่ชื่อสถานที่เที่ยวให้มากๆ เข้าไว้ แต่เอาเข้าจริงเป็นเพียงการบรรยายว่าเมืองนั้นๆ มีที่เที่ยวอะไรบ้าง หรือหวังผลด้าน Keyword ของ Google โดยไม่ได้พาไปจริง บางที่เป็นเพียงแค่การ “ผ่านชม” หมายความว่าเราได้ถ่ายรูปผ่านหน้าต่างของรถบัสเท่านั้น (กดชัตเตอร์ให้ทันด้วยนะ) บางรายการพาไปจริง แต่ถ่ายรูปจากด้านนอก เช่นโคลอสเซียม ที่กรุงโรม ไม่ได้พาเข้าชมด้านใน หรือโตเกียว สกายทรี (Tokyo Skytree) แลนด์มาร์คสำคัญของเมือง โปรแกรมส่วนมากไม่ได้ไปที่ตึก แต่ถ่ายรูปจากฝั่งตรงข้าม

5. ปริมาณสถานที่เที่ยวต่อวัน หลายท่านเน้นความคุ้ม เห็นในโปรแกรมมีที่เที่ยวเยอะๆ แล้วรู้สึกว่าคุ้ม เช้าเมืองหนึ่ง บ่ายสองเมืองได้ลงไปถ่ายรุปเดียวแล้วรีบขึ้นรถ อันเป็นที่มาของคำว่า “ทัวร์ชะโงก” แต่สุดท้ายใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งง่วงอยู่บนรถ ควรพิจารณาให้ดีว่านี่คือประสบการณ์ที่อยากได้จริงหรือ หลายบริษัททัวร์จะระบุระยะทางบนรถของแต่ละวันไว้ให้ด้วย ซึ่งถือว่าแฟร์

6. ราคา ดูว่าไม่รวมอะไรบ้าง โดยทั่วไปที่ไม่รวมเป็นค่าทิปไกด์และค่าทิปคนขับรถ ซึ่งมักจะบอกมาเลยว่าเท่าไหร่ หรืออาหารบางมื้อที่ปล่อยให้ทานอิสระ แต่ก็มีบางโปรแกรมโดยเฉพาะทัวร์ยุโรปไม่รวมค่าวีซ่า ทำให้ราคาที่แจ้งเหมือนจะถูกกว่าความจริงเป็นหลักพัน 

7. จำนวนวันเดินทาง ที่มากกว่า ไม่ได้หมายความว่าเที่ยวมากกว่า เพราะการนัดเจอที่สนามบินในเวลาใกล้เที่ยงคืนก็นับเป็นวันที่หนึ่งแล้ว หรือหากขากลับเครื่องแตะพื้นหลังเที่ยงคืนก็นับเพิ่มเป็นอีกวัน

8. จำนวนวันอิสระ เป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อย เพราะนักท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์อาจต้องการเวลาอิสระบ้าง ในขณะที่มือใหม่อาจประสบปัญหาในการท่องเที่ยวต่างแดนด้วยตัวเอง ทั้งการเดินทางหรือภาษา แม้จะมีไกด์คอยแนะนำก็ตาม

9. การชำระเงิน โดยทั่วไปหากจองก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 1 เดือน มัดจำ 5,000-10,000 (ขึ้นอยู่กับราคาและบริษัท)  หลังจากนั้นชำระส่วนที่เหลือก่อนวันเดินทาง 3 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนก่อนเดินทาง แล้วแต่เงื่อนไข

10. โปรบัตรเครดิต บางบริษัทสามารถให้ผ่อน 0% ไม่มีชาร์จ ช่วยให้ได้สะสมคะแนนและแบ่งเบาภาระรายจ่าย

11 Free Wi-Fi ท่านที่ติดไวไฟ ลองพิจารณาว่าโปรแกรมไหนมีบริการด้านนี้ให้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตั้งแต่แจก 2 คนต่อเครื่อง หรือมีให้บริการในรถบัส (อ่านวิธีสังเกตุที่นี่)

12. “โปรไฟไหม้” โดยมากคือโปรแกรมทัวร์ตามปกติ เพียงแค่ใกล้วันเดินทางแล้วมีที่เหลือ จึงเป็นเหตุการณ์ไฟลนก้นต้องรีบปล่อยทิ้ง ควรจองหรือไม่ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าเน้นราคาหรือความสะดวกในการจัดตารางชีวิต

ขอให้เที่ยวสนุก เลือกทัวร์ไม่พลาดกันทุกท่านนะครับ

"อยากเที่ยวทัวร์ อย่าลืมเทียบทัวร์"