ใช้ชีวิตดั่งเทพนิยายที่หมู่บ้าน Shirakawagoกันเถอะ
วันนี้มีสถานที่น่าสนใจมากมาแนะนำกันค่ะ นั่นก็คือ “หมู่บ้านชิราคาวาโกะ(Shirakawago)” ปล่อยวางความวุ่นวายทุกอย่างในชีวิต แล้วไปเที่ยวท่ามกลางหุบเขาที่แสนเงียบสงบกันเถอะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหมู่บ้านแห่งนี้กันซักเล็กน้อย เพื่อให้การท่องเที่ยวของเรามีเรื่องราวและมีความหมายมากขึ้น
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ(Shirakawago) เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาในเมืองโอโนะ จังหวัดกิฟุ ผู้คนที่นี่เคยมีวิถีชีวิตเรียบง่าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยทุ่งนา และป่าเขา เรียกได้ว่าเป็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างลงตัว ทำให้ UNESCO ได้เห็นถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของที่นี่ และยกย่องให้เป็นหมู่บ้านมรดกโลก ที่ควรค่าแก่การเรียนรู้และรักษาไว้จนทำให้หลายคนรู้จักกันในนามของ"หมู่บ้านมรดกโลก”
ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยบ้านที่มีลักษณะโดดเด่น เรียกว่าสถาปัตยกรรมแบบ “กัสโซ” (Gassho-style houses) โดยมีหลังคาเป็นรูปทรงแหลมๆคล้ายกับการพนมมือ ซึ่งจะทำเป็นรูปสามเหลี่ยมหนาๆ ทำให้ในฤดูหนาวหิมะที่ตกลงบนหลังคาไหลลงข้างล่างได้สะดวก นอกจากนี้ยังทำให้ตัวบ้านอบอุ่นอีกด้วย
วันนี้ขอแนะนำเทคนิคการเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ให้คุ้มแสนคุ้ม ได้ทั้งเที่ยวและได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน รับรองว่าจะเป็นความทรงจำที่ดีงามไม่รู้ลืมแน่นอน
ก่อนอื่นเมื่อมาถึงที่นี่แล้วเราจะได้ข้ามสะพานเพื่อเข้าไปในหมู่บ้านกัน แบบนี้ และเมื่อข้ามสะพานแห่งนี้ไป ก็จะเหมือนเราได้ข้ามผ่านกาลเวลาไป เพื่อไปเจอกันอีกฝั่งที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย …แล้วจะรอช้ากันทำไม เข้าไปสำรวจอีกฝั่งกันเลยดีกว่า
เมื่อได้ข้ามไปยังฝั่งของตัวหมู่บ้านกันแล้ว ก็จะเห็นบ้านเรือนที่มีหลังคาทรงสามเหลี่ยม ในสไตล์กัสโซ มากมายแทรกอยู่ทั่วไปท่ามกลางทุ่งนา ที่รายล้อมไปด้วยหุบเขา เหมือนได้หลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกจริงๆ
หากกำลังสงสัยว่าบ้านเรือนเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน อย่ารอช้า ตามมาเลยค่ะ เพราะเราจะพาไปที่ “บ้านวาดะ”
“บ้านวาดะ” บ้านที่หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ที่เปิดในนักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมวิถีชีวิตของผู้คน ผ่านร่องรอยการใช้ชีวิตและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน โดยมีค่าเข้าชมท่านละ 300 เยน
ไปดูภายในบ้านว่ามีการจัดสรรพื้นที่อยู่อย่างไรบ้าง
ชมระเบียงบ้านที่แสนน่าอยู่
ดูวิวสวยๆของหมู่บ้านผ่านหน้าต่าง
หากใครยังไม่จุใจก็ยังมีบ้านอีกหลายหลังที่เปิดให้ได้เข้าชมกัน
บ้านคันดะเกะ มีค่าเข้าชม 300 เยน เช่นกัน
เตาภานในบ้านคันดะเกะ
พื้นที่ทำงานในบ้านคันดะเกะ
ทางทิศเหนือของหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของ วัดเมียวโอะเซนจิ ที่มีหลังคาของซุ้มทางเข้าหอระฆังเป็นแบบสามเหลี่ยมสไตส์กัสโซ เช่นเดียวกับหลังคาบ้านหลายหลังในหมู่บ้านแห่งนี้
ประตูหอระฆังวัดเมียวโอะเซนจิ
ทางเดินในหมู่บ้านยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกในแบบของชิราคาวาโกะ ให้เลือกซื้อเลือกชมกันอีกด้วย
ร้านขายของในวันที่หิมะตก ก็สวยไปอีกแบบ
ตุ๊กตา “ซารุโบโบ” ก็เป็นของฝากยอดฮิตของที่นี่ มีความเชื่อว่าเป็นเครื่องรางตุ๊กตาไร้หน้าที่คอยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และนอกจากนี้ยังคอยช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นอีกด้วย
ซื้อบ้านหลังเล็กๆในแบบกัสโซไปฝากเพื่อนๆหรือคนที่เรารัก ก็เป็นอะไรที่เก๋ไปอีกแบบเหมือนกัน
ใครเดินเที่ยวเล่นเพลินๆแล้วอย่าลืมสังเกตสายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านหมู่บ้านกันนะ ขอบอกว่าน้ำใสมาก จนมองเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายอยู่ในสายน้ำอย่างพลิ้วไหวเลยแหละ
และที่นี่ยังมีจุดชมวิว ที่ชิโรยาม่า ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด สามารถเห็นหมู่บ้านได้ในมุมกว้าง เป็นมุมที่สวยมากๆเลยทีเดียวค่ะ
ใครจะเดินขึ้นมาเองก็ได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่ก็สามารถขึ้นรถบัสมาได้เหมือนกัน ในราคา 200 เยน
สำหรับตอนกลางคืน จะมีการจัดแสดงไฟสวยๆในช่วงต้นปี ที่เรียกว่า “Shirakawago light up” แต่ขอบอกก่อนว่าไม่ได้มีจัดแสดงกันทุกวันนะ สำหรับตารางการจัดแสดงสามารถดูได้ที่ >>http://lightup.asia/schedule/?lang=en
Shirakawago light upนั้นไม่ได้มีการจัดแสดงกันทุกวัน เพราะมีแค่ช่วงต้นปีและจัดแค่บางวันเท่านั้น งานนี้จึงอาจต้องพึ่งตัวช่วยค่ะ ฉะนั้นใครที่อยากเที่ยวให้คุ้มจริงๆ ได้เห็นการจัดแสดงไฟสวยๆแบบนี้แนะนำให้เลือกทัวร์ดีๆซักทัวร์ค่ะ ถ้าไม่ได้วางแผนดีๆแล้วบางทีอาจไม่ได้ชม เพราะหากไม่ค้างคืนอาจต้องออกจากบริเวณหมู่บ้านก่อนห้าโมงเย็น และอาจพลาดโชว์ดีๆแบบนี้ไปด้วย
ก่อนอื่นต้องสอบถามกับทางทัวร์ให้เรียบร้อยว่าในโปรแกรมทัวร์มี Shirakawago light up หรือไม่ ถ้ามีก็ลุยโลดดดด
สำหรับการจองทัวร์นั้นมีให้เลือกมากมาย และค่อนข้างที่จะอำนวยความสะดวกให้อย่างมาก บางทัวร์เราไม่ต้องเสียค่าเข้าชมในบ้านต่างๆเลย เพราะรวมอยู่ใน แพคเกจแล้ว มีบริการอาหารดีๆทำให้ไม่ต้องเดินหาให้เมื่อย การเดินไกลๆบางที่เช่นการเดินไปจุดชมวิวชิโรยาม่า ทัวร์ก็อาจมีบริการรถบัสทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเดินหรือเสียค่ารถบัสอีกด้วย
นอกจากนี้ความรู้และข้อมูลต่างๆที่เราอยากรู้เราก็สามารถถามไกด์ได้เลย เพราะมาเที่ยวแบบนี้อาจทำให้เราอยากทราบข้อมูลต่างๆมากมาย และบางทีป้ายที่เขาจัดไว้ให้ก็ตอบคำถามเราได้ไม่หมด พี่ไกด์ใจดี จะเป็นคนให้ความรู้เราได้ตลอดเวลา
เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเที่ยวกันแบบไหนฤดูไหน เวลาไหน
ก็ขอให้มีความสุขกับการเที่ยวที่ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ค่ะ
อยากเที่ยวทัวร์ อย่าลืมเทียบทัวร์
33 จุดถ่ายรูป เมืองทบิลิซี่ จอร์เจีย
จอร์เจีย ประเทศยอดนิยมสำหรับนักเที่ยวไทย ทั้งได้บรรยากาศแบบยุโรป แต่ค่าใช้จ่ายถูกแถมไม่ต้องขอวีซ่า เอาแค่ทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ก็มีจุดถ่ายรูปมากมาย ใครมีเวลาเที่ยวยาวๆ น่าจะเก็บให้ครบ มาลองดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง
5 เหตุผลคนแห่เที่ยว บ้านอาจ้อ ภูเก็ต
บ้านอาจ้อ "อังมอหลาว" เก่าแก่ แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮ๊อตของภูเก็ตตอนนี้ แต่สำหรับตลาดวงกว้างยังถือเป็นที่เที่ยว "อันซีน" เมื่อเทียบกับจุดตัวท็อปอื่นๆ เช่นแหลมพรหมเทพ พระใหญ่ ถนนถลาง หาดป่าตอง ที่ถูกกระหน่ำเช็คอินจนพรุน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทำเลที่ตั้งที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว ไม่ได้อยู่ในเมืองหรืออยู่ใกล้หาดดัง แต่อยู่ที่ตำบลไม้ขาว ระหว่างทางจากสนามบินไปสะพานสารสิน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อมาถึงสนามบินก็จะลงใต้มากกว่าขึ้นเหนือ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปภูเก็ตมาก่อน เก็บที่เที่ยวหลักไปครบแล้ว และมองหาความแตกต่าง ลองมาดูว่าทำไมบ้านอาจ้อควรเป็นจุดเช็คอินลำดับต่อไปที่ไม่ควรพลาด
ชิม ช้อป เที่ยว ที่โอซาก้า ในย่าน “ชินไซบาชิ”
ใครไปโอซาก้าแล้วกังวลเรื่องช้อป เรื่องเที่ยว บทความนี้ช่วยได้ค่ะ เพราะเราจะพาไปชิมอาหารอร่อย ช้อปปิ้งสินค้าต่างๆอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ขนม ของฝาก และอื่นๆอีกมากมาย เตรียมกระเป๋าเงินของท่านให้พร้อม แล้วไปลุยช้อป ลุยชิมกับพวกเราได้เลยค่ะ