15 สถานที่เที่ยวไฮไลท์ ประเทศโมร็อกโก สายเที่ยวห้ามพลาดเช็คอิน



ผู้เขียน : แอดมินโก้ วันที่ 21 กรกฎาคม 2567

โมร็อกโก (Morocco) ชื่อประเทศที่อาจมีคนสับสนกับโมนาโก (Monaco) ที่อยู่ทางใต้ของประเทศฝรั่งเศส โมร๊อกโก หรือชื่อทางการว่าราชอาณาจักรโมร็อกโก ตั้งอยู่ตอนบนสุดของทวีปอาฟริกา ติดทะเลเมดิเตอเรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก โมร็อกโกมีพื้นที่ประมาณ 710,850 ตารางกิโลเมตรและประชากรกว่า 35,276,700 คน แม้จะอยู่ในทวีปอาฟริกาและประชากรส่วนมากนับถือศาสนาอิสลาม แต่ด้วยแหล่งที่ตั้งอยู่ใกล้ทวีปยุโรป ห่างจากชายฝั่งตอนใต้ของประเทศสเปนเพียง 14 กิโลเมตรเศษ และในอดีตเคยถูกปกครองโดยสเปนและฝรั่งเศส ทำให้มีอิทธิพลทางวัฒนธรรม ความเป็นอยู่แบบยุโรปอยู่ไม่น้อย ในแง่จุดหมายของการท่องเที่ยว โมร๊อกโกเป็นที่นิยมอย่างสูงของชาวตะวันตก เนื่องจากอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก แถมยังมีจุดขายแบบ “Soft Power” คือทั้งภาพยนตร์และดนตรีที่อ้างอิงถึงประเทศแห่งนี้ อย่างภาพยนตร์รักอมตะ Casablanca (1942) เพลงชื่อ Casablanca (1982) โดยศิลปิน Bertie Higgins เพลง Marrakesh Express (1969) โดย Crosby, Stills & Nash และอีกมากมาย

ภาพยนตร์รักอมตะ Casablanca (1942)

Casablanca (1942)

 

แต่สำหรับนักท่องเที่ยวไทย โมร๊อกโกยังคงเป็นจุดหมายนอกสายตาคนหมู่มาก ทั้งด้วยค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงแม้เทียบกับยุโรป การเดินทางระหว่างเมืองที่มีระยะห่างกว่าเที่ยวในยุโรป รวมถึงอาหารการกิน วัฒนธรรมประเพณี ที่ชาวไทยอาจยังไม่คุ้นเคยเท่ากับยุโรป แต่บัดนี้ในตลาดเริ่มมีทัวร์โมร๊อกโกราคาประหยัด เอื้อมถึงง่ายออกมาให้เห็นแล้ว Let’s Go จึงขอนำเสนอสถานที่เที่ยว จุดเช็คอินห้ามพลาดสำหรับการเที่ยวโมร๊อกโก เป็นคู่มือสำหรับผู้ที่เริ่มชายตามองประเทศนี้

 

สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) เมือง คาซาบลังก้า (Casablanca)

1. สุเหร่ากษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) เมือง คาซาบลังก้า (Casablanca)

สุเหร่าฮัสซันที่ 2 เริ่มสร้างเมืองปี ค.ศ. 1980 ในวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 ซึ่งเป็น พระบิดาของกษัตริย์โมฮัมหมัดที่6 (กษัตริย์องค์ปัจจุบัน) ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ. 1993 เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจากสุเหร่าที่นครเมกกะ) สามารถจุผู้คนที่มาประกอบพิธีได้ 25,000 คน ภายนอกสุเหร่าอีก 55,000 คน 

 

สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 (Mausoleum of Mohammad V) – เมืองราบัต (Rabat)

2. สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 (Mausoleum of Mohammad V) – เมืองราบัต (Rabat)

สุสานของพระอัยกา(ปู่) ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน (โมฮัมเหม็ดที่ 6) มีทหารยามยืนเฝ้าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสานคือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น เนื่องจากแผ่นดินไหวที่เมืองลิสบอนของปรตุเกสในปีคศ. 1775

 

พระราชวังหลวง (Royal Palace) – เมืองเฟส (Fez)

3. พระราชวังหลวง (Royal Palace) – เมืองเฟส (Fez)

ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวย

และสง่างาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค

 

สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) - เมืองเฟส (Fez)  

4. สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) - เมืองเฟส (Fez)  

เป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

 

บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ (Chouara Tannery) - เมืองเฟส (Fez)

5. บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ (Chouara Tannery) - เมืองเฟส (Fez)

ย่านเครื่องหนังที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ 

เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Volubilis)

6. เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Volubilis)

ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต อดีตเมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1997

 

ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) – เมืองเมคเนส (Meknes)

7. ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) – เมืองเมคเนส (Meknes)

เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด ส่วนเมคเนส เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail)  แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty)  ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17  ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ  มี กำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู 

 

เมืองอิเฟรน (Ifrane) โมร๊อกโก

8. อิเฟรน (Ifrane)

เป็นเมืองพักตากอากาศบนความสูงกว่า 1,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างเมืองขึ้นบริเวณนี้ เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน บ้างก็เรียกเมืองอิเฟรนว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แห่งโมรอคโค” บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้ และทะเลสาบสวยงาม นำท่านเดินเล่นภายในเมืองและเก็บภาพบรรายากาศอันสวยงามอีกแห่งของโมรอคโค ถ่ายรูปกับอนุสรณ์สิงห์โตหิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนสิงห์โตตัวสุดท้ายที่ถูกล่าจนหมดไปจากเทือกเขาแห่งนี้ 

 

เชฟชาอูน (Chefchaouen) โมร๊อกโก

9. เชฟชาอูน (Chefchaouen)

เมืองสีฟ้าที่ได้ชื่อว่า “ มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโก “การที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้อากาศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนคล้ายตอนใต้ของสเปน เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน ปัจจุบันประชากรที่มีประมาณ 40,000 กว่าคน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย

 

สุเหร่า คูโตเบีย (Kutobia Mosque) – เมืองมาราเกช (Marrakesh)

10. สุเหร่า คูโตเบีย (Kutobia Mosque) – เมืองมาราเกช (Marrakesh)

สุเหร่าที่มีหอคอยสูงถึง 70 เมตร สร้างในสมัยราชวงศ์ อัลโมฮัด ซึ่งเป็นหอคอย 1 ในสามพี่น้อง เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ถึงความยิ่งใหญ่ในสมัยราชวงศ์นี้  ชมซากสุเหร่าซึ่งเป็นอนุสรณ์ แห่งความขัดแย้งของ 2 ลัทธิ ซึ่งมีมาในอดีต

 

จัตุรัสกลางเมือง Djemaa El Fnaa – เมืองมาราเกช (Marrakesh)

11. จัตุรัสกลางเมือง Djemaa El Fnaa – เมืองมาราเกช (Marrakesh)

เป็นตลาดเก่าที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า (Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสได้อย่างเพลิดเพลิน

 

ฌาแดงมาจอแรล (Jardin Majorelle) - เมืองมาราเกช (Marrakesh)

12. ฌาแดงมาจอแรล (Jardin Majorelle) - เมืองมาราเกช (Marrakesh)

เป็นที่รู้จักในชื่อสวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) ตาม Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมร๊อกโก เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคยเป็นของเศรษฐีแห่งมาราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อน  ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้สีที่สดใส ฉูดฉาด เช่นสีน้ำเงิน และสีส้ม เป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมการจัดวางพรรณไม้อันหลากหลาย แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงามและลงตัว

 

ไอท์ เบนฮาดดู (Ait Benhaddou) โมร๊อกโก

13.  ไอท์ เบนฮาดดู (Ait Benhaddou)

เมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่อาคารต่าง ๆสร้างจากดิน มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมดินที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้

 

ป้อมทาอูเริท (Kasbah Taourirt) - เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) โมร๊อกโก

14. ป้อมทาอูเริท (Kasbah Taourirt) - เมืองวอซาเซท (Ouarzazate)

พระราชวังของผู้ปกครองมาราเกซ ตระกูล กลาวี (Glaoui Palace) เป็นป้อม ดิน หรือ วังที่สร้างจากดิน ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องหับต่างๆจำนวนมากรวมถึงฮาเร็ม และที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเล็กๆอยู่ภายใน ในห้องต่าง ๆ ยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในป้อมทาอูเริทนี้ในอดีตมีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง บางห้องก็ว่างเปล่า ยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด วอซาเซทเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองที่ถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย ช่วงฤดูหนาว – ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.– เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว 

เมืองวอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน

 

ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga)

15. ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga)

ดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลต่อมาเมื่อแผ่นดินผุดขึ้นมา จึงเกิดซากฟอสซิลขึ้นมากมาย เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่ากับอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือพืช เพราะฝนตกน้อยมาก และพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ หากมีสัตว์และพืชพันธุ์ใดที่สามารถเติบโตในทะเลทรายได้ ก็ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องหาวิธีในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้ ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า  จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี หากเที่ยวกับทัวร์ มักจะจัดให้ค้างคืนในแค้มป์หรู ตื่นเช้ามาขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ  

สนใจทัวร์โมร๊อกโก สอบถามทีมงาน Let's Go ทางไลน์ได้ที่ไอดี @letsgo

หรือดูทัวร์โมร็อกโก คลิกที่นี่

#ทัวร์โมรอคโค #ทัวร์โมรอคโค2567 #เที่ยวโมรอคโค #ที่เที่ยวโมรอคโค #โมร็อกโก #ทัวร์โมร็อกโก #ทัวร์โมร็อกโก2567 #เที่ยวโมร็อกโก #ที่เที่ยวโมร็อกโก

< อ่านเรื่องถัดไป อ่านเรื่องก่อนหน้า >

เข้าสู่ระบบเพื่อ comment
  • 15 ที่เที่ยวอียิปต์ห้ามพลาด: เช็คลิสต์ทัวร์อียิปต์ โปรแกรมไหนพาไปครบบ้าง?

    เมื่อพูดถึงประเทศอียิปต์ ภาพของพีระมิดยิ่งใหญ่ เทพเจ้าอันทรงพลัง และทะเลทรายสุดลึกลับ มักจะปรากฏขึ้นในจินตนาการของหลายๆ คน แต่ความจริงแล้ว อียิปต์มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่หลากหลาย และประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 15 จุดเช็คอินห้ามพลาด ซึ่งโปรแกรมทัวร์อียิปต์มักจะพาไป...ไม่ครบ

    โดย แอดมินโก้ - วันที่ 22 สิงหาคม 2567