10 เมืองสุดโรแมนติกในยุโรป สำหรับคนมีความรัก

เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ประจำปี 2562 Let's Go ขอแนะนำสถานที่เที่ยวสุดโรแมนติก ซึ่งแน่นอนว่าเวลาพูดถึงเมืองแห่งความโรแมนติก คงมีน้อยคนที่จะนึกถึงอเมริกา แอฟริกา เอเซีย หรือตะวันออกกลาง เพราะทวีปที่น่าจะผูกขาดบรรยากาศแห่งความโรแมนติกจะต้องเป็นทวีปยุโรป และเมืองที่เข้าข่ายสวยจนมดไต่ก็มีมากมาย Let's Go เลือกให้ 10 เมืองที่สุดแห่งความโรแมนติก มาดูกันเลยครับ

1. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Paris, France)

จะมีเมืองไหนในโลกนี้กล้าท้าชิงตำแหน่งนี้กับปารีส เมืองหลวงแห่งประเทศที่ขึ้นชื่อด้านน้ำหอม ศิลปะ วัฒนธรรม อาหารการกิน สวรรค์ของนักช็อป มีพิพิธภัณฑ์ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่จัดแสดงงานศิลปะชื่อก้องโลกอย่างภาพโมนาลิซ่า (Mona Lisa) ของเลโอนาร์โด ดา วินชี  มีถนนโด่งดังที่สุดในโลก ต้นแบบถนนราชดำเนินของบ้านเราคือฌ็องเซลิเซ่  (Champs Elysees) และแน่นอนว่ามีสิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ เป็นสัญญลักษณ์ของประเทศหรือกระทั่งของยุโรปที่ชื่อว่า "หอไอเฟล" แรงดึงดูดมากขนาดนี้ เที่ยวปารีสนั้นทริปเดียวย่อมไม่เคยพอ (ยกเว้นตอนมีประท้วง...) 

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองปารีส คลิก

2. เวนิส ประเทศอิตาลี (Venice, Italy)

รองจากปารีสก็ต้องเป็นเวนิส เมืองที่ร่ำรวยศิลปะวัฒนธรรม เป็นที่อ้างอิงสำหรับเมืองใดๆ ในโลกที่มีคูคลองก็ต่างต้องอ้างว่าเป็นเวนิสแห่งตะวันออกหรือตะวันไหนๆ ก็แล้วแต่ กรุงเทพมหานครก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้ฉายานั้นเช่นกัน ความสวยงามของเมืองนี้ที่แออัดกันอยู่ในพื้นที่อันน้อยนิดคือสเน่ห์ที่มีคูคลองมาก และการสัญจรภายในเมืองจะอาศัยทางน้ำเป็นหลัก การนั่งเรือกอนโดลาพร้อมมีฝีพายหุ่นล่ำร้องเพลงโอเปร่าคลอไปกับการชมวิว ถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดหากได้มาเยือน

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองเวนิส คลิก

3. เอีย เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ (Oia, Santorini, Greece)

จุดชมพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดในโลกอยู่ตรงไหน? คำตอบคือ หมู่บ้านเอีย (Oia) ที่เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ คำตอบนี้อาจจะมีคนโต้แย้งแต่ยากที่จะหาตำแหน่งไหนในโลกที่จะกล้าท้าชิง เพราะเป็นจุดที่อยู่สูง เห็นแสงสีทองส่องเหนือทะเลสีฟ้าเข้มไกลสุดลูกหูลูกตา สาดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยบ้านที่มีเพียงสีเดียวคือสีขาวและมีกังหันเป็นสัญญลักษณ์อันโดดเด่น เป็นภาพที่งามเหลือเชื่อชนิดที่ต้องไปยืนตรงนั้นเพื่อให้เห็นกับตาจึงจะรู้ซึ้ง ส่วนใครที่ได้ไปเที่ยวที่ซานโตรินีจริงๆ ขอแนะนำให้พักอย่างน้อย 2 คืน เพราะพระอาทิตย์ตกที่ฟีรา (Fira/Thira) ก็งามสะกดจิตเช่นกัน

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเกาะซานโตรินี คลิก

4. ฮัลล์สตัท ประเทศออสเตรีย (Hallstatt, Austria)

จะมีสถานที่ใดในโลกที่ด้วยภาพถ่ายจากมุมเดียว จะกลายเป็นแม่เหล็กพลังสูงดึงดูคนนับล้านให้มาเที่ยวเมืองเล็กๆ แห่งนี้ที่จะเรียกว่าเป็นแค่หมู่บ้านก็ว่าได้ เมืองนั้นคือฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เมืองเล็กๆ ในเขต Upper Austria ประเทศออสเตรีย ความจริงจะเรียกว่าหมู่บ้านก็พอได้ มีประชากรเพียงแสนเศษ แต่ด้วยทำเลอันน่าอัศจรรย์ที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในทฤษฏี นั่นคือด้านหน้าติดทะเลสาบ ด้านหลังมีภูเขาเป็นฉาก ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เมื่อมองจากจุดชมวิวภาคบังคับ มันงามจับใจราวกับไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้ และด้วยความงามที่ธรรมชาติสรรสร้างให้อย่างสุดลำเอียง มุมนี้ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนก็งดงามน่าหลงใหลอย่างไม่มีวันหยุด นี่เรายังไม่ต้องพูดถึงว่ามันยังเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก้ด้วยนะ

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองฮัลล์สตัท คลิก

5. ซิงเคว เทเร ประเทศอิตาลี (Cinque Terre, Italy)

หมู่บ้านชาวประมงแห่งแคว้นลิกูเรีย (Liguria) ของอิตาลี ที่มีสถานะระดับมรดกโลกของยูเนสโก้ มีความโดดเด่นทั้งทางชัยภูมิเพราะเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยเกาะอยู่บนหน้าผาเหนือทะเลอันเป็นส่วนหนึ่งของอิตาเลียน ริเวียร่า (Italian Riviera) แล้วยังมีสีสันฉูดฉาดราวกับลูกกวาดหลากสี โดดเด่นไม่เหมือนที่ใดในโลก หมู่บ้านทั้ง 5 ประกอบด้วย Monterosso al Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore น่ารักขนาดนี้จะไม่ติดกลุ่มสุดยอดสถานที่เที่ยวสุดโรแมนติกของยุโรปได้อย่างไร

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวซิงเคว เทเร คลิก

6. เชสกี ครุมลอฟ ประเทศสาธารณรัฐเชก (Cesky Krumlov, Czech)

เมื่อพูดถึงประเทศเชก หรืออดีตเชโกสโลวาเกีย เมืองแรกที่คนส่วนมากนึกถึงจะเป็นปราก (Prague) เมืองหลวงและเมืองสำคัญอันดับหนึ่ง แต่ในขณะที่ปรากมีความโรแมนติกอยู่ไม่น้อย ทั้งมีแม่น้ำตัดผ่านและมีจุดชมวิวจากเนินเขาที่ชวนหลงเคลิ้ม แต่ Let's Go ขอยกให้เชสกี ครุมลอฟแซงโค้งมาเข้าอันดับก่อน ด้วยความที่เมืองเล็กๆ สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian) แต่ได้เป็นมรดกโลกแห่งนี้มีขนาดกระทัดรัด มีจุดชมวิวจากมุมสูงที่เราสามารถเห็นทั้งเมืองภายใน 2 ลูกตา มีแลนด์มาร์กอันโดดเด่นคือปราสาทที่สูงตระหง่านบนเนินเขา แล้วยังมีลำธารล้อมรอบเสมือนเป็นเกาะกลางเมืองอีก มันคือความสมบูรณ์แบบที่ราวกับจัดวางมาอย่างปราณีต และซอกเล็กซอกน้อยของเมืองนี้ล้วนแต่มีความน่ารักชวนเดิน ถ่ายรูปกันแทบไม่หวาดไม่ไหว โดยที่ไม่มีความพลุกพล่านของเมืองใหญ่มาให้กวนใจ ใครมาเที่ยวเชก อย่าหยุดแค่ปราก เพราะจะเป็นการพลาดครั้งใหญ่หลวง

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองเชสกี ครุมลอฟ คลิก

7. โรเทินบวร์ค อ็อพ แดร์ เทาเบอร์ ประเทศเยอรมนี (Rothenburg ob der Tauber, Germany)

เมืองชื่อยาวๆ อ่านยากๆ แห่งนี้คือไฮไลท์แห่งถนนสายโรแมนติก (Romantic Road) ของประเทศที่จากภาพลักษณ์น่าจะห่างไกลจากความโรแมนติกแต่ก็เป็นเจ้าของชื่อถนนสายนี้อย่างเต็มภาคภูมิ เมืองเล็กๆ ที่เป็นมรดกโลกแห่งนี้อยู่ราวๆ กึ่งกลางของถนนในแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) และ Baden-Württemberg ที่เริ่มต้นณ.เมือง Wurzburg ผ่าน Munich ไปสิ้นสุดที่ Fussen อันเป็นที่ตั้งของปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein) สถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์สำคัญลำดับต้นๆ ของประเทศ ถนนสายโรแมนติกจึงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักเดินทางและเมืองโรเทนบวร์ค แห่งแม่น้ำเทาเบอร์ ก็เป็นจุดแวะที่ไม่ควรพลาดขนานแท้

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองโรเทินบวร์ค อ็อพ แดร์ เทาเบอร์ คลิก

8. เวียนนา ประเทศออสเตรีย (Vienna, Austria)

แม้จะยกให้ฮัลล์สตัทท์แซงโค้งเข้าอันดับไปก่อน แต่เมืองหลวงของออสเตรียอย่างเวียนนาก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองสุดโรแมนติกของยุโรปด้วยความที่เคยเรืองอำนาจในอดีต และเคยเป็นเมืองหลวงแห่งดนตรีคลาสสิค คีตกวีชั้นนำในยุคดนตรีคลาสสิคเฟื่องฟูล้วนแต่ต้องมาปักหลักที่นี่ ราวกับเป็นนิวยอร์คหรือลอนดอนสำหรับเทรนด์ของโลกยุคปัจจุบัน นอกจากอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม โอเปราเฮ้าส์ต้นตำรับ ถนน "วงแหวน" (Ringstrasse) ที่ชวนเดินแล้ว เอกลักษณ์ที่คอดนตรีคลาสสิคห้ามพลาดคือตามเก็บรูปปั้นของเหล่าคีตกวีชื่อก้องอย่างเบโธเฟน (Beethoven) โยฮันน์ ชเตราสส์ ที่สอง (Johann Strauss II) เจ้าพ่อเพลงวอลซ์ผู้ประพันธ์เพลง Blue Danube และลูกรักของชาวออสเตรียคือโมสาร์ท (Mozart) นั่นเอง อ้อ...ใครที่ติดใจ "เวียนนิส ช็อกโกแลต" (Viennese Chocolate) มาถึงถิ่นแล้วก็อย่าลืมลิ้มชิมของต้นตำรับเขาด้วยล่ะ

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองเวียนนา คลิก

9. กอลมาร์ ประเทศฝรั่งเศส (Colmar, France)

เมืองเล็กๆ ในแคว้นอัลซาส (Alsace) ทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส อาจจะไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ที่ยูเนสโก้มอบให้ แต่มีความได้เปรียบทั้งอยู่ใกล้ชายแดนเยอรมนี อยู่ทางใต้ของเมืองใหญ่ที่มีความสำค้ญอย่างสตารส์บูรก์ (Strasbourg) อยู่ในรัศมีใกล้ย่านไวน์ดังของฝรั่งเศสคือเบอร์กันดี (Burgundy) แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวเมืองที่เต็มไปด้วยบ้านผนังอิฐที่ประดับด้วยลายไม้เป็นเส้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแถบนี้ที่เรียกว่า Half-Timbered House เรียงรายกันเป็นแถวขนาบคลองเล็กๆ แต่ใครได้เห็นภาพมุมนี้คงปฏิเสธไม่ลงว่าถ้าได้เกี่ยวก้อยคนรักมาเดินชิวๆ ที่นี่คงโรแมนติกน่าดู นี่คือเหตุผลที่เมืองเล็กๆ ที่มีฉายาว่า Little Venice แห่งนี้เบียดเมืองดังอื่นๆ มาเข้าอันดับ Top 10 ในรายชื่อเมืองของเรา

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองกอลมาร์ คลิก

10. บรูช หรือบรูจส์ ประเทศเบลเยี่ยม (Bruges, Belgium)

เบลเยี่ยม ประเทศเล็กๆ ที่อาจจะโดนประเทศเพื่อนบ้านข่มไปบ้าง แต่เมืองบรูช (บรูจส์ / บรูจจ์) ที่ยูเนสโก้ยกให้เป็นมรดกโลก ก็มีสเน่ห์ในตัวมากพอที่คู่รักทั้งหลายไม่ควรมองข้าม ด้วยความที่มีคูคลองจนเป็นอีกเมืองที่อ้างอิงเอกลักษณ์ของเวนิสในตำแหน่ง Venice of the North บวกกับบ้านเรือนสไตล์ดัทช์ที่เราอาจคุ้นตาจากเมืองอัมสเตอดัม (Amsterdam) ให้เดินเตร็ดเตร่ชมเมืองได้อย่างเพลิดเพลิน ถ้ายังโรแมนติกไม่พอ ทางตอนใต้ของเมืองนี้ยังมี The Minnewater ทะเลสาบที่แปลว่า Lake of Love ที่มี "สะพานคู่รัก" (Lovers Bridge) เชื่อกันว่าหากคู่รักได้มาจุมพิตกันบนสะพานแห่งนี้ ความรักของคู่นี้ก็จะยืนยงชั่วกาลนาน ใครรู้ว่าแฟนกำลังนอกใจรีบพาไปที่นี่ด่วน 

หาทัวร์ยุโรปเที่ยวเมืองบรูช คลิก

ถูกใจกันไหมกับ 10 เมืองนี้ เห็นด้วยหรือไม่ หรือมีเมืองไหนที่คิดว่าควรจะอยู่ใน Top 10 แชร์ความเห็นกันได้นะครับ

หาทัวร์ยุโรปทั้งหมดในระบบของ Let's Go มีมากกว่า 400 โปรแกรม คลิกที่นี่

Let's Go ชัวร์เรื่องเที่ยว เชี่ยวเรื่องทัวร์

#ทัวร์ยุโรป #ทัวร์ยุโรป2562 #ทัวร์ยุโรป2019 #ทัวร์ยุโรปตะวันออก #ทัวร์ยุโรปโรแมนติก #ยุโรปเมืองโรแมนติก